วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การ์ดแต่งงานดูธรรมดาเกินไป ทำยังไงดี


              การ์ดแต่งงานถือว่าเป็นน่าเป็นตาหรือเป็นสารเปิดงานเลยก็ว่าได้ ซึ่งงานพิมพ์การ์ดแต่งงานโดยปกติทั่วไป ก็จะแบบพิมพ์สีปกติทั่วไป วึ่งบางคนอาจจะมองว่ามันดูธรรมดาเกินไป ไม่มีความพิเศษอะไร ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเป็นการ์ดแต่งงานแบบมาตราฐานแล้วก็จะดูเหมือนๆกันไปหมด หากไม่ใช่การ์ดแต่งงานที่ออกแบบขึ้นมาเองโดยเฉพาะก็อาจจะดูไม่ต่างจากทั่วๆไปเลย ดังนั้นในทางการทำงานพิมพ์จึงมีเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์เพื่อใช้เพิ่มความพิเศษให้กับงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน ซึ่งจะมีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมทำกัน ได้แก่
1.การเคลือบ ซึ่งจะมีทั้งแบบเคลือบด้าน และเคลือบเงา
2.Spot UV หรือจะเรียกอีกอย่างว่าการเคลือบเฉพาะจุดนั้นเอง
3.ไดคัท ไดคัทเป็นการตัดตามรูปแบบที่ต้องการ เช่น การ์ดแต่งงานที่มีการไดคัทเป็นรูปหัวใจ เป็นต้น
4.ปั๊มฟอยล์เงิน/ฟอยล์ทอง ส่วนใหญ่จะนิยมปั๊มฟอยล์ในส่วนของงโลโก้หรือชื่อย่อป่าว-สาว
5.ปั๊มนูน ส่วนที่ทำการปั๊มนูนก็จะนูนยกขึ้นมาจากพื้นกระดาษปกตินั้นเอง
6.การพับ การ์ดแต่งงานแบบพับนั้น มีอลายแบบไม่ว่าจะเป็นพับครึ่ง พับแบบหน้าต่าง ฯลฯ
7.พิมพ์สีพิเศษ เช่น สีทอง สีเงิน
               ถ้าหากว่างานพิมพ์การ์ดแต่งงานที่พิมพ์สีปกตินั้น มองว่าธรรมดาเกินไป สามารถใช้เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ดังกล่าวเพื่อปรับเพิ่มความพิเศษ ให้กับงานพิมพ์การ์ดแต่งงานได้

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ระบบงานพิมพ์ในการทำงานพิมพ์โบรชัวร์


         งานพิมพ์โบรชัวร์เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีผู้รับพิมพ์โบรชัวร์มาก ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกที่หลากหลายในการสั่งทำ ซึ่งระบบสื่อสิ่งพิมพ์นั้นก็แยกออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท ได้แก่ งานพิมพ์ดิจิตอล และงานพิมพ์ระบบออฟเซต ซึ่งทั้ง สองแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
1.งานพิมพ์โบรชัวร์ระบบดิจิตอล หากเป็นงานรีบ งานด่วน นี้เป็นตัวเลือกที่ดี ในการรับพิมพ์โบรชัวร์หากทำในระบบดิจิตอลนั้น ไม่มีขั้นต่ำในการรับทำสามารถสั่งทำได้ตามจำนวนที่ต้องการใช้งานจริงได้เลย และได้งานเร็ว แต่บางทีอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดงานเพราะ ส่วนใหญ่แล้วขนาดที่ทำได้ใหญ่สุดจะเป็น A-2
2.งานพิมพ์โบรชัวร์ระบบออฟเซต งานที่ได้ออกมาสีจะแน่นกว่าดิจิตอล แต่ระยะเวลาในการผลิตจะนานกว่า และต้องทำในปริมาณที่เยอะถึงจะคุ้ม เพราะหากทำในปริมาณที่น้อยค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าดิจิตอล
        จะเห็นว่าในการรับพิมพ์โบรชัวร์ทั้ง 2 ระบบ มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจะเลือกทำแบบไหนควรจะเปรียญเทียบกับปัจจัยในหลายๆด้าน เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้งานนั้นเอง

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รูปแบบการพิมพ์ของงานพิมพ์คูปองชิงโชค



          งานพิมพ์คูปองชิงโชค ส่วนใหญ่จะนิยมพิมพ์สี มากกว่าพิมพ์ขาวดำ เพื่อสีสันที่สวยงามนั้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบงานด้วยว่าจะทำออกมาแนวไหน โทนสีแบบไหน ซึ่งในการทำคูปองชิงโชคนั้น หากว่าเป็นงานพิพม์ดิจิตอล ก็จะแบ่งออกเป็น
    1.พิมพ์ 1 สี ได้แก่สีดำ นอกเหนือจากสีดำ เช่น สีชมพู เขียว แม้จะพิมพ์สีเดียวก็นับเป็นงานพิมพ์ 4 สี
    2.พิมพ์ 4 สี คือ ทุกๆสี นับเป็นงานพิมพ์ 4 สี หากว่าพิมพ์สีดำและสีแดง ก็ถือว่าเป็นงานพิมพ์ 4 สี
หากเป็นงานพิมพ์คูปองชิงโชค ที่ทำในระบบออฟเซต ก็จะแบ่งออกเป็น
    1.สีดำ แดง น้ำเงิน เหลือง นับแยกเป็นแต่ละสี หากพิมพ์สีดำ และสีแดง ก็คือพิมพ์ 2 สี นั้นเอง
    2.พิมพ์ 4 สี ก็ คือ ทุกๆสี รวมกัน ไม่ต่างจากงานพิมพ์ดิจิตอล
หากว่างานรีบ งานด่วน รีบทำ รีบใช้ ก็ต้องเลือกเป็นแบบดิจิตอล และไม่มีขั้นต่ำ แต่ถ้าหากว่ามีเวลาไม่รีบร้อน ยอดสั่งทำเยอะ สีแน่น ก็ต้องเลือกเป็นออฟเซตเลย แต่สำหรับงานสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ งานพิมพ์คูปองชิงโชคนั้น งานพิมพ์สีเดียวหรือพิมพ์สีดำนั้น จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่างานพิมพ์สี

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ขนาดมาตราฐานของงานพิมพ์เมนูอาหาร



ในการสั่งทำเมนูอาหาร หากจะให้ง่ายในการขอราคาและงานในการจัดทำ ขนาดของงานควรจะเป็น ขนาดมาตราฐาน ซึ่งขนาดงานพิมพ์เมนูอาหารนั้น ส่วนใหญ่ที่ทางร้านที่รับพิมพ์เมนูอาหารนิยมทำ ก็จะมี
    1.ขนาดสำเร็จ A-4 (8.25'' x 11.5'')
เมนูอาหารขนาด A-4 นั้น จะนิยมทำกันเกือบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบหมุด ปีกผีเสื้อ เข้าห่วง หรือเย็บมุงหลังคา โดยที่ A-4 จะเป็นขนาดสำเร็จ พอกางออกทั้งหมดก็จะเป็นขนาด A-3 นั้นเอง
    2.ขนาดสำเร็จ A-3 (11.5'' x 16.5'')
เมนูอาหารขนาดสำเร็จ A-3 ถือว่าค่อนข้างใหญ่ คือใหญ่เป็นอีกเท่าตัวของขนาด A-4 นั้นเอง รูปแบบของเมนูอาหารขนาด A-3 นั้นจะนิยมทำเป็นแบบเย็บหมุด เข้าห่วง หรือแบบแผ่นพลาสวูด
    3.ขนาดตามความต้องการ ขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าอยากได้ขนาดงานเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่แล้วทางร้านที่รับพิมพ์เมนูอาหารนั้น จะทำขนาดใหญ่สุดได้ไม่เกิน A-2 (16.5'' x 23'') ในกรณีของงานพิมพ์ดิจิตอล