วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์เมนูอาหารเข้าเล่มแบบเย็บหมุด



                    งานพิมพ์เมนูอาหารเข้าเล่มแบบเย็บหมุด เป็นเมนูอาหารที่สามารถถอดหมุดเพื่อเปลี่ยนเนื้อในและประกอบกลับคืนเหมือนเดิมได้ โดนที่ตัวเล่มงานไม่พังเสียหายเพราะว่าการเข้าเล่มนั้น จะใช้หมุดเป็นตัวหยุดไม่ได้ใช้กาวหรือเม็คเย็บนั้นเอง เมนูอาหารแบบเย็บหมุดจำนวนหน้ารวมปกทั้งหมดต้องลงเป็นหน้าคู่ มีทั้งแบบปกแข็งและปกอ่อนแต่ส่วนใหญ่จะนิยมทำเป็นแบบปกแข็งมากกว่าเพราะมีความทนทาน และอายุการใช้งานนานกว่าแบบปกอ่อน
                    ขนาดของเมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้นสามารถทำได้หลายขนาด แต่จะไม่เกิน A-3 กระดาษที่ใช้ในการทำจะเป็นกระดาษที่มีความหนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป ทั้งตัวปกและเนื้อใน แต่หากเป็นเมนูแบบปกแข็ง ตัวปกจะใช้เป็นกระดาษแข็งจั่วปัง ซึ่งโดยปกติจะมีความหนาตั้งแต่ 2.07 มิล ขึ้นไป โดยจะพิมพ์ลงบนกระดาษสติ๊กเกอร์แล้วนำมาติดหุ้มลงบนกระดาษแข็งจั่วปังอีกทีนั้นเอง งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้นตรงสันหรือขอบเมนูที่เอาไว้เย็บหมุดติดปกติจะมีขนาประมาณ 2 cm เพราะถ้าหากเล็กกว่านี้เวลาเจาะรูสำหรับใส่หมุดอาจจะเกิดรอยแตกได้
สำหรับการออกแบบไฟล์งานที่จะใช้พิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น เวลาออกแบบควรทำส่วนที่เป็นสันเมนูแยกต่างหากอย่างน้อย 2 cm. จะได้ไม่โดนส่วนรายการเมนูและราคาอาหารต่างๆ ซึ่งถ้าจะให้เข้าเล่มออกมาแบบนี้สวยงามดูไม่บางเกินไปต้องใช้มีตั้งแต่ 8 หน้าขึ้นปกรวมปก

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

การ์ดเชิญไดคัท



การ์ดเชิญไดคัทนั้น ก็เหมือนกับการ์ดเชิญปกติทั่วไป แต่จะมีความพิเศษกว่า คือ จะมีการได้คัทหรือตัดออกเป็นรูปแบบต่างๆที่ไม่ใช่รูปทรงสี่เหลี่ยมนั้นเอง เช่น ไดคัทเป็นหัวใจ ไดคัทมุม ฯลฯ การรับพิมพ์การ์ดที่จะต้องมีการไดคัทงานนั้น จะใช้เวลาในการทำงานมากกว่าการ์ดเชิญปกติ แต่การพิมพ์และกระดาษที่ใช้ก็เหมือนกับการพิมพ์การ์ดแบบปติ
การ์ดไดคัท หรือการนำเอาวิธีการไดคัทมาใช้ร่วมกับการทำการ์ดนั้น ส่วนใหญ่จะนิยมทำกับการ์ดแบบพับ หรอืการ์ดป๊อบอัพ ที่จะมีการไดคัทเป็นชิ้นๆแล้วนำมาประกอบอีกที งานที่ได้ออกมาจะดูครีเอทและแตกต่างไปจากการ์ดที่พบเห็นอยู่ทั่วไป กระดาษที่ใช้ในการทำการ์ดไดคัท ควรจะเป็นกระดาษที่มีความหนาตั้งแต่ 190 g ขึ้นไป สำหรับการไดคัทนั้นสามารถทำได้ทั้งแบบใช้เครื่องไดคัท และการทำบล็อกปั๊ม ซึ่งต้องดูรายละเอียดงานอีกที เช่น ในส่วนของกระดาษ เพราะการไดคัทโดยใช้เครื่องนั้นบางเครื่องมีข้อจำกัด เช่น ไดคัทกระดาษได้หนาสุดที่ 230 แกรม สำหรับการทำไฟล์งานเพื่อนำมาทำงานพิมพ์การ์ดไดคัทนั้น ควรหลีกเลี่ยงการออกแบบที่มีรายละเอียดงานเยอะ เช่น ลายเส้นที่ไดคัทเล็กๆ เพราะหากลายละเอียดงานเล็กมากๆ เวลาไดคัทออกมาอาจจะขาดได้ ทำให้เสียมากกว่าดี

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

งานพิมพ์หนังสือขนาดมาตราฐาน



           งานพิมพ์หนังสือขนาดมาตราฐาน หรือขนาดงานที่นิยมรับพิมพ์หนังสือกันนั้น จะเป็นขนาดงานที่สามารถหากซองหรือมีถุงต่างๆใส่ได้ง่าย และเวลาเวลาประหยัดกระดาษเพราะสามารถตัดขนาดกระดาษได้ลงตัวไม่เหลือเหลือเศษมากนั้นเอง โดยขนาดงานสำเร็จของงานพิมพ์หนังสือที่นิยมได้แก่
1.ขนาด A-4(8.25'' x 11.5'')
2.ขนาด A-5(8.25'' x 5.75'')
3.ขนาด A-4(4.13'' x 5.75'')
            ซึ่งการทำหนังสือออกมาแต่ละเล่มนั้นจะเลือกทำออกมาเป็นขนาดเท่าไหร่ ก็ต้องดูตามความเหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้งาน จำนวนหน้าที่มี และความต้องการของเจ้าของงาน เช่น การรับพิมพ์หนังสือนิยายหรือพ็อกเก็ตบุ๊ค ส่วนใหญ่จะทำออกมาเป็นขนาด A-5 เพราะถือว่ามีขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถพกติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวก หนังสือธรรมมะหรือหนังสือสวดมนต์จะนิยมทำเป็นขนาด A-5 และ A-6 นิยมทำเป็นขนาดเล็กเพื่อความสะดวกในการเปิดอ่านและมีเนื้อหาไม่มาก แต่ถ้าหากเป็นหนังสือประเภทหนังสือเรียนหรือตำราคาเรียน จะนิยมทำเป็นขนาด A-4 เพราะว่ามีเนือ้หาต่างๆค่อนข้างเยอะ ดังนั้นหากใครที่คิดจะทำหนังสือเป็นของตัวเองควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเหล่านี้ด้วย

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ขั้นตอนในการทำงานพิมพ์ป้ายแท็ก



งานพิมพ์ป้ายแท็ก หรือป้ายสินค้านั้นโดยปกติที่มีการรับทำป้ายแท็กนั้น งานสำหรับเวลาใช้งานนั้นก็จะเป็นป้ายกระดาษและมีรูเจาะพร้อมเชือกสำหรับมัดหรือคล้องกับสินค้าหรือสิ่งของต่างๆ ซึ่งขั้นตอนในการผลิตคราวๆ ได้แก่
1.เตรียมไฟล์สำหรับพิมพ์
2.พิมพ์จริงโดยยึดสีตามไฟล์งานต้นฉบับ
3.ตัดเป็นชิ้นจริง ขนาดสำเร็จ
**หากเป็นงานพิมพ์ป้ายแท็กที่ต้องมมีการไดคัทตามแบบหรือไม่ใช่ทรงสี่เหลี่ยมต้องทำการปั๊มไดคัทตามแบบอีกที
4.เจาะรูสำหรับร้อยเชือก
5.QC หรือตรวงสอบงานก่อนส่งมอบ
สำหรับขั้นตอนการตัดเป็นชิ้นสำเร็จและการเจาะรูสำหรับร้อยเชือกนั้น จะทำขั้นตอนไหนก่อน-หลัง ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต ความเหมาะสม และความสะดวกในการทำงานของผู้รับทำป้ายแท็กอีกที สำหรับตัวรูเจาะสามารถกำหนดขนาดรูได้ตามต้องการเลยแต่ ส่วนใหญ่แล้วควรจะมีขนาดตั้งแต่ 3 mm. ขึ้นไป เพราะถ้าหากว่าเล็กกว่านี้กระดาษจะขาดและรูเจาะจะไม่เรียบร้อย

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์หนังสือเข้าเล่มแบบไหนได้บ้าง



ก่อนจะออกมาเป็นงานพิมพ์หนังสือสักหนึ่งเล่มนั้น จะต้องมีการเข้าเล่มให้เรียบร้อยก่อนเพื่อที่หน้าปกและเนื้อหารวมกันเป็นเล่ม ซึ่งในการรับพิมพ์หนังสือนั้น มีรุปแบบการเข้าเล่มที่เยอะพอสมควรสามารถเลือกใช้รูปแบบการเข้าเล่มได้ตามความเหมาะสอมของหนังสือนั้นๆ
1.การเข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคา หรือการเย็บแม็คตรงกลางนั้นเองเหมาะกับหนังสือที่มีจำนวนหน้าไม่มาก ซึ่งการเข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคานั้นใช้เวลาในการทำน้อย และต้นทุนไม่มากเมื่อเทียบกับวิธีการเข้าเล่มแบบอื่นๆ
2.การเข้าเล่มแบบไสกาว ซึ่งงานพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่จะนิยมใช้วิธีไสกาวงานสำเร็จออกมาการเข้าเล่มดูเรียบร้อย และแน่นหนา เหมาะกับหนังสือที่มีจำนวนหน้าไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เช่น มีจำนวนหน้าไม่ควรเกิน 150 หน้า
3.การเข้าเล่มแบบกาวหัว เหมาะกับงานพิมพ์หนังสือประเภทสมุดโน๊ต
4.การเข้าเล่มแบบสันกาว จะคล้ายกับไสกาวแต่งานที่ได้มาจะแน่นหนากว่าและสามารถเข้าเล่มหนังสือจำนวนหน้าได้มากกว่าการเข้าเล่มไสกาว
5.การเข้าเล่มแบบเข้าห่วงกระดูกงู หนังสือที่มีการเข้าเล่มแบบนี้สามารถเปิดได้ถึง 360 องศา
6.การเข้าเล่มแบบเย็บกี่ ในการรับพิมพ์หนังสือที่มีการเข้าเล่มแบบเย็บกี่นั้นเหมาะกับหนังสือที่มีความหนามากๆ เช่น หนังสือสารานุกรม เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เปลี่ยนการ์ดต่างงานที่ดูธรรมดา ให้ไม่ธรรมดาด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์



งานแต่งงานสักครั้งนึง ใครหลายๆคนก็คงอยากจะทำการ์ดแต่งงานให้ออกมาดูดีและสวยที่สุด ดังนั้นทางผู้ที่รับพิมพ์การ์ดแต่งงานหรือู้ให้บริการงานพิมพ์ต่างๆ จึงมีเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการนั้นเอง ซึ่งวิธีที่นิยมใช้ก็ได้แก่
1.การเคลือบ โดยปกติจะมีแบบเงาและด้าน ซึ่งมีทั้งเคลือบ UV PVC ถ้าหากว่าเป็นงานพิมพ์ดิจิตอลจะเป็นการเคลือบ PVC แต่ถ้าเป็นงานพิมพ์ระบบออฟเซทจะเป็นการเคลือบ UV
2.ปั๊มนูน ส่วนใหญ่จะเลือกทำหรือปั๊มเฉพาะจุดที่ต้องการให้เกิดความโดดเด่น เช่น โลโก้
3.การเคลือบเฉพาะจุด Spot UV นิยมทำคู่กับการเคลือบด้านเพราะการ Spot UV นั้น ส่วนที่ทำจะมันเงาและนูนขึ้นมาเล็กน้อยซึ่งตัดกับพื้นงานส่วนอื่นที่เป็นแบบด้าน จึงทำให้ส่วนที่ Spot UV นั้นดูเด่นและสีตัดกับพื้นหลัง
4.ปั๊มฟอยล์ที่นิยมทำจะมีฟอยล์เงินและฟอยล์ทอง แต่ที่จริงก็มีสีอื่นๆด้วย เช่น สีชมพู เขียว น้ำเงิน ฯลฯ
5.การไดคัท เป็นการตัดกระดาษออกเป็นรูปร่างต่างๆตามความต้องการ
6.การพับ จะนิยมทำกับการ์ดแต่งงานแบบพับ ทางผู้ที่รับพิมพ์การ์ดแต่งงานจะทำการตีเส้นพับ เพราะถ้าหากไม่ตีเส้นพับก่อนเวลานำไปพับส่วนที่เป็นรอยพับกระดาษจะแตก ยิ่งกระดาษหนามากเท่าไหร่รอยแตกก็จะยิ่งชัดขึ้นเท่านั้น

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ข้อดีของงานพิมพ์กล่องสบู่



           กล่องสบู่หรือกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่สบู่นั้น ก็เหมือนกับงานพิมพ์กล่องสบู่ กล่องบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ทั่วไป ซึ่งอาจจะแตกต่างกันขนาด สีสัน และรูปแบบของกล่อง ซึ่งประโยชน์และวัสดุประสงค์ของการนำไปใช้งานก็เหมือนกันกับกล่องบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ได้แก่
-สามารถส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่จดจำให้กับสินค้าหรือแบรนด์สินค้าได้ โดยเฉพาะงานพิมพ์กล่องสบู่ ที่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากมีอยู่ทั่วไป
-ป้องกันความเสียให้กับตัวสบู่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการขนส่ง เคลื่อนย้าย การกระแทก โยน หรือแม้กระทั่ง อุณหภูมิ อากาศ
-ง่ายและสะดวกต่อการจัดเก็บ หยิบจับ หรือขนส่ง กล่องสบู่ส่วนใหญ่จะนิยมทำเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งเวลาที่จัดเก็นหรือแพ็คของเก็บและนำมารวมกันนั้น จะย้ายเพราะด้วยรูปทรงของกล่องสามารถนำมาวางซ้อนทับกันและเก็นไว้เป็นส่วนๆได้
-เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า งานพิมพ์กล่องสบู่ที่สวมงาม มีข้อมูลครบถ้วน ตัวกล่องดูหรูหรา สามารถช่วยทำให้สบู่นั้นดูมีมูลค่า
-กล่องสบู่ที่ทำมาจากกระดาษ สามารถย่อยสลายได้ง่าย มากกว่างานพิมพ์กล่องสบู่ที่ทำมาจากพลาสติก โดยเฉพาะถ้าใช้กระดาษรักษ์โลก
งานพิมพ์กล่องสบู่หรือกล่องบรรจุภัณฑ์นั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำมาจากกระดาษมากกว่าพลาสติก ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและจัดเก็บง่ายเพราะกล่องแบบกระดาษนั้น ก่อนที่จะนำไปใช้ใส่สบู่สามารถที่จะพับเก็บตามรูปแบบของงานได้นั้นเอง

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ที่ใช้เพิ่มความความสวยงามให้กับเมนูอาหาร



         งานพิมพ์เมนูอาหารนั้น ตามขั้นตอนปกติในการทำงานพิมพ์ก็คือการพิมพ์สี ซึ่งบางทีอาจจะมองว่าธรรมดาเกินไป ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่าง หรือโดดเด่น นอกจากการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร ดังนั้น เรามาดูเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ที่ใช้เพิ่มความสวยงามให้กับงานพิมพ์เมนูอาหาร ซึ่งก็มีหลายวิธี งานที่ออกมาก็ต่างกันไป เช่น
1.การเคลือบจะมีทั้งแบบเคลือบเงาและเคลือบด้าน ซึ่งงานที่ออกมาก็จะแตกต่างกันไป การเคลือบเงางานที่ออกมาจะมันเงา ส่วนการเคลือบด้านจะดูด้านๆมั่วๆเหมือนฝ้ากระจกหรือไอหมอก แต่ก็สามารถมองเห็นทะลุงานพิพม์ได้จะนิยมทำควบคู่ไปกับการ Spot UV หรือการเคลือบเฉพาะจุด
2.Spot UV หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่าการเคลือบเฉพาะจุด เลือกทำเฉพาะบางส่วนของงานพิมพ์เท่านั้น นิยมทำคู่กับวิธีการเคลือบด้าน
3.ปั๊มนูนหรือปั๊มจม การใช้วิธีการปั๊มนั้น จะต้องมีการทำบล็อกเพื่อขึ้นรูปตำแหน่งที่ปั๊ม ส่วนที่ปั๊มจะนูนขึ้นมาจากเนื้อกระดาษถ้าเป็นปั๊มนูน แต่ถ้าเป็นปั๊มจม/ลึก ก็จะตรงข้ามกับปั๊มนูน
4.ปั๊มฟอยล์ การปั๊มฟอยล์ตัวฟอยล์ที่ใช้ในการปั๊มจะมีหลายสีแต่ที่นิยมใช้งานกันจะเป็นฟอยล์สีเงินและสีทอง ในการทำก็ต้องทำบล็อกขึ้นรูปเหมือนกัน ซึ่งในขั้นตอนการปั๊มฟอยล์นั้นหากทำไม่ดี ฟอยล์จะไม่ติดแน่นหรือหลุดจะเห็นเป็นรอยด่างๆ
5.ไดคัทตามแบบในส่วนของการไดคัทสามารถทำได้ตามความต้องการเลยว่าจะไดคัทเป็นแบบไหนรูปอะไร ซึ่งการไดคัทนะสามารถทำได้ทั้งแบบไดคัทเครื่องและการทำบล็อกขึ้นรูปไดคัท
6.การพิมพ์สีพิเศษ หรือหมึกพิเศษ เช่น สีทอง หรือสีเงิน สีที่มุก
ในการทำพิมพ์เมนูอาหารนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำเป็นงานเคลือบทั้งเล่มเพราะว่าจะช่วยทำให้งานดูสวยงามขึ้น และการเคลือบยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของเมนูอาหารได้ด้วยเพราะการเคลือบ PVC นั้นจะทำให้ตัวงานพิมพ์เมนูอาหารฉีกขาดยากขึ้นและสามารถใช้ผ้าชุบน้ำหรือแอลกอฮอร์เช็คทำความสะอาดได้

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

จะออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ขึ้นมาสักกล่อง ต้องเครีมอะไรบ้าง



การจะพิมพ์หรือทำกล่องบรรจุภัณฑ์ขึ้นมาสักกล่องนั้น ก่อนที่จะพิมพ์ควรจะมีการออกแบบไฟล์งาน เพื่อใช้ในการพิมพ์ ซึ่งหากไม่สามารถที่จะทำอาร์ตเองได้ก็สามารถหากราฟฟิกหรือติดต่อกับผู้ที่รับพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ได้ เพราะร้านทำงานพิมพ์ส่วนใหญ่จะมีบริกาารรับออกแบบงานพิมพ์อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมให้กับผู้ที่ออกแบบงานก็จะมี
1.โลโก้สินค้า หรือแบรนด์สินค้า ในส่วนนี้ผู้ที่รับออกแบบอาจจะออกแบบโลโก้ให้ด้วย หรือว่าอาจจะให้ทางผู้สั่งทำส่งรูปโลโก้ให้
2.ขนาดงานกล่องสำเร็จที่ต้องการ หรือว่าอาจจะเป็นขนาดสินค้า
3.ข้อมูลสินค้า ชื่อสินค้า สรรพคุณ วิธีการใช้ ข้อห้ามข้อแนะนำ ที่อยู่สถานที่ตั้ง ขนาด ราคา ส่วนประกอบ
4.เลข อย. หรือเลขที่จดทะเบียนต่างๆ
ที่กล่าวมาจะเป็น ข้อมูล 4 ข้อหลักๆที่ขาดไม่ได้ ต้องเตรียม เพราะคนที่ออกแบบก็จะออกแบบตามสั่ง ตามข้อมูลที่ได้มา ส่วนข้อมูลรูปภาพอื่นๆ ทางคนที่ออกแบบอาจจะหาให้เอง เช่น รูปสัญลักษณ์ อย. เครื่องหมายการค่าต่างๆ รูปภาพประกอบ แต่ถ้าหากว่าใช้รูปภาพที่เป็นแบบเฉพาะเจ้าของงานควรจะเตรียมไว้ให้ ซึ่งหลังจากที่ออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถทำไฟล์งานต้นฉบับส่งต่อให้กับผู้ที่รับพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อเริ่มขั้นตอนในการผลิตงานจริงได้เลย ซึ่งข้อมูลต่างๆที่กล่าวไปข้างต้นนั้น จะขาดไม่ได้เลย เพราะเป็นข้อมูลสำคัญการที่สินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีข้อมูลการผลิต แหล่งอ้างอิงที่ชัดเจน เป็นส่วนประกอบที่ทำให้สินค้าดูได้มาตราฐานและหน้าใช้

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

เปลี่ยนกล่องบรรจุภัณฑ์แสนธรรมดาให้ไม่ธรรมดาด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์



กล่องบรรจุภัณฑ์ ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาหรือเป็นตัวเปิดทางของสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆอีกอย่างเลยก็ว่าได้ อย่างเช่น เวลาสินค้าที่มีการวางขายอยู่ทั่วไปกล่องบรรจุภัณฑ์รูปทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะในปัจจุบันมีสินค้าลอกเลียนแบบกันเยอะ หรือสินค้าประเภทเดียวกัน กลุ่มลูกค้าเดี๋ยวกัน ดังนั้น เราต้องใช้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์นี้แหละในการดึงดูดผู้คนให้มาสนใจสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเรา โดยใช้เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นร้าน หรือโรงพิมพ์ไหนๆที่รับทำกล่องบรรจุภัณฑ์ จะต้องมีเทคนิคหลังการพิมพ์อยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมในการทำเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับงานพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
1.การเคลือบ PVC เงาและด้าน เป็นการเคลือบลงบนกระดาษที่ทำการพิมพ์ลวดลายต่างๆเรียบร้อยแล้ว เคลือบทั้งแผ่น ทุกส่วน จะเคลือบด้านเดียว หรือทั้งสอบด้านก็แล้วแต่ความต้องการ
2.Spot Uv การเคลือบเฉพาะจุดนั้นเอง เลือกที่จะเคลือบแค่บางจุดที่ต้องเท่านั้น เช่น Spot UV ตัวโลโก้ ส่วนที่ทำการ Spot UV จะดูมันเงา และเวลาสัมผัว จะรู้สึกได้ คือ นูนขึ้นมาจากพื้นกระดาษเล็กน้อย
3.ปั๊มนูน/ปั๊มลึก นิยมทำในส่วนที่เป็นโลโก้หรือแบรนด์สินค้า ส่วนที่ปั๊มจะนูนขึ้นมา ซึ่งการปั๊มนูน/ลึกนั้น กระดาษอีกฝั่งที่ทำการปั๊มจะเป็นรอยปั๊ม เช่นกัน
4.ปั๊มฟอยล์ มีหลายสีมาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำเงิน เขียว เหลือง ชมพู ทอง เงิน แต่สีที่มีความนิยมใช้งานกันเยอะก็จะเป็น ฟอยล์สีทองและสีเงิน
5.การพิมพ์หมึกสีใส หรือ clean dry ink เช่น พิมพ์ลายน้ำลงบนงานพิพม์ ซึ่งหมึกตัวนี้ เลยนำไปถ่ายเอกสารจะไม่ติดหรือจะไม่เห็นลายของหมึก ซึ่งจะทำได้เฉพาะผู้ที่รับทำกล่องบรรจุภัณฑ์ระบบดิจิตอลเท่านั้น
ทั้ง 5 วิธี ที่กล่าวมาเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ที่สามารถเพิ่มความสวยงามให้กับงานพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ได้ ซึ่งสามารถเลือกใช้แต่ละวิธีได้ตามความเหมาะสมเลย แต่ก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่าเมื่อเป็นเทคนิคพิเศษหลังการพิพม์ สิ่งที่จะต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสวมงามก็ต้องพิเศษขึ้นมาอีกนิดเมื่อเทียบกับงามพิมพ์ปกติด้วย เช่นกัน

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

เมนูอาหาร 1 เล่ม จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง



จะทำเมนูอาหารขึ้นมาสักเล่มต้องมีการวางแผนและรวบรวมข้อมูล ที่จะใช้ในการทำให้ครบถ้วน จะได้ไม่ขาดอะไร เพราะว่าเมื่อมีการผลิตออกมาหรือพิมพ์งานออกมาแล้วจะแก้ไขงานไม่ได้แล้ว ขึ้นก็ต้องเริ่มกันตั้งแต่การออกแบบ ออกแบบส่วน ข้อมูลครบ งานพิมพ์เมนูอาหารที่ได้ออกมาก็จะสวยงามตามตนแบบ เพราะทางผู้ที่รับทำเมนูอาหารนั้นก็ทำการผลิตพิมพ์งาน ตามไฟล์งานต้นฉบับที่ได้รับมา
ในเมนูอาหาร 1 เล่ม นั้น เนื้อหาข้อมูลต่างๆก็จะมี
1.ชื่อรายการอาหาร จะได้ทำให้รู้ว่าในร้านนั้น มีรายการอาหารชนิดไหนบ้างที่ขายอยู่และสามารถสั่งมาทานได้
2.ราคาอาหาร ราคาอาหารลูกค้าจะได้รู้ว่า อาหารแต่ละจานนั้นราคาเท่าไหร่ และอาหารบางอย่างนั้น อาจจะมีหลายขนาด ราคาก็จะต่างกันไปด้วย ดังนั้นควรจะมีราคาอาหารกับกับไว้ด้วย
3.รูปภาพประกอบ รูปภาพของอาหารที่หน้าทานจะทำให้ผู้ที่เห็นนั้น อยากจะสั่งมาทาน เพราะอาหารบางอย่าง บางคนอาจจะไม่รู้จัก โดยเฉพาะบางร้านที่มีเมนูพิเศษเฉพาะ คนที่มาเห็นชื่ออาหารอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าหน้าตาอาหารเป็นแบบไหน ดังนั้นควรจะมีรูปภาพประกอบด้วย
4.ชื่อร้าน ที่อยู่ ช่องทางการติดต่อของร้าน ชื่อร้านที่หน้าปกเลย คนที่เห็นจะได้จดจำชื่อร้านไปด้วย ที่อยู่หรือช่องทางการติดต่อ เช่น เบอร์โทร เผื่อลูกค้าอาจจะโทรมาสั่งหรือว่าจองโต๊ะ FB Line ในยุคโซเชียลแบบนี้ขาดไม่ได้ มีไว้แท็กหรือ เช็คอิน เป็นการโปรโมตร้านไปในตัว
ดังนั้นเมื่อได้ผู้ที่รับทำเมนูอาหารแล้วได้แล้ว ควรจะตรวจเช็คข้อมูลต่างๆในไฟล์ต้อนฉบับก่อนส่งพิมพ์ให้เรียบร้อย เพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและการใช้ประโยชน์สูงสุด

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ข้อแนะนำสำหรับการออกแบบงานพิมพ์ใบปลิวสำหรับงานพิมพ์ดิจิตอล


งานพิมพ์ใบปลิวในระบบดิจิตอลนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสั่งทำหรือใช้งานใบปลิวในจำนวนที่ไม่มาก จำนวนน้อย ซึ่งงานพิมพ์ระบบดิจิตอลนั้นถึงแม้ว่าค่าสีต่างๆหรืองานที่ได้ออกมาจะไม่ต่างอะไรกับงานพิมพ์ระบบออฟเซต แต่ถ้าเทียบกันแล้วงานพิมพ์ออฟเซตสีก็ยังจะแน่นกว่าอยู่ดี ซึ่งในการออกแบบงานพิมพ์ใบปลิวนั้น ควรจะคำนึงถึงสิ่งต่างๆที่จะเป็นองค์ประกอบให้งานออกมาดีและเพื่อความสะดวกในการใช้อาร์ตเวิร์คในการทำงานพิมพ์ใบปลิว
1.เวลาทำอาร์ตเวิร์คสำหรับพิมพ์ ควรจะเผื่อขอบเอาไว้สำหรับตัดหรือทำมาร์กต่างๆ เช่น ถ้าหากว่าจะทำใบปลิวขนาด A-4 ก็ควรจะเผื่อขอบออกมาในแต่ละอย่างน้อยด้านละ 3 มิล เพื่อที่ว่าเวลาตัดงานออกมาเป็นไซต์สำหรับจะได้ไม่โดนเนื้องานต่างๆ
2.หลีกเลี่ยงการทำสีพื้นหลังที่เป็นสีพื้นโทนเดียวกัน โทนสีเข้ม เทา เขียวขี้ม้า หรือสีอ่อนลางๆ เพราะว่าเวลาพิมพ์ออกมาสีอาจจะไม่เสมอสม่ำหรือเห็นเป็นรอยด่าง ทำให้งานพิมพ์ใบปลิวออกมาไม่สวยนั้นเอง
3.ตั้งค่าสีให้เป็น CMYK เพราะในระบบงานพิมพ์นั้นค่าสีที่ใช้จะเป็น CMYK เพราะบางคนอาจจะทำเป็น RBG ซึ่งสีจะไม่เหมือนกัน
4.หลีกเลี่ยงการทำเส้นขอบหรือกรอบงาน เพราะว่าบางสีในขั้นตอนของการตัดงานเป็นขนาดสำเร็จอาจจะผิดพลาดหรือตัดเบี้ยว ทำให้งานออกมาไม่สวยเห็นเป็นขอบเส้นแบ่งชัดเจน โดยเฉพาะในกรณีที่เราต้องการงานด่วน รีบใช้จริงๆ งานออกมาแบบไหนก็จำเป็นต้องใช้ ทำให้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่กล่าวมาอาจจะเป็นเพียงข้อแนะนำบางส่วน แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยทำให้งานพิมพ์ใบปลิวออกมาสวยงามได้

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

งานพิมพ์การ์ดแต่งงานขนาดมาตราฐาน



งานพิมพ์การ์ดแต่งงานในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อกันได้ง่าย เพราะว่าตามร้านที่รับทำการ์ดแต่งงานนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีการ์ดแต่งงานแบบสำเร็จรูปขายด้วย สำหรับคนที่ไม่ต้องอะไรมากกมายกับเรื่องของการ์ดแต่งงาน ไม่ได้ต้องการความแปลกที่ไม่เหมือนใคร ก็สามารถเลือกซื้อการืดแต่งงานแบบสำเร็จไปเลย ซึ่งส่วนหญ่นั้นทางร้านจะมีรูปแบบและขนาดของงานพิพม์การ์ดแต่งงานไว้ให้เลือกอยู่แล้ว ซึ่งก็มีหลายแบบหลายขนาด ซึ่งงานพิพม์การ์ดแต่งงานขนาดมาตราฐานนั้น โดยส่วนแล้วก็จะมีขนาด
การ์ดแต่งงานขนาด 4'' x 6''
การ์ดแต่งงานขนาด 5'' x 7''
การ์ดแต่งงานขนาด 5'' x 5''
การ์ดแต่งงานขนาด 6'' x 8''
การ์ดแต่งงานขนาด 4'' x 9''
จะมีขนาดข้างต้นที่กล่าวไป และมีขนาดอื่นๆด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดที่กล่าวมา และการ์ดแต่งงานขนาดมาตราฐานนี้ จะหาซองใส่การ์ดง่ายเพราะตัวซองที่มีขายโดยทั่วไปนั้น ก็ไว้สำหรับใส่การ์ดขนาดมาตราฐาน เช่น กัน ดังนั้นก่อนที่จะทำงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน ลองดูก่อนว่าจะทำการ์ดแต่งงานออกมาขนาดเท่าไหร่ เพื่อควานสะดวกในการหาซองใส่ด้วย เพราะบางอาจจะอยากทำงานพิมพ์การ์ดแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร ขนาดตามใจฉัน แต่หาซองใส่การ์ดลำบาก อาจจะต้องสั่งทำซองด้วย ซึ่งการสั่งทำซองใส่การ์ดขึ้นมาเฉพาะเป็นพิเศษนั้น ราคาจะสูงยิ่งถ้าทำยอดน้อยแล้วด้วย

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุด



งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น ถือเป็นงานพิมพ์เมนูอีกแบบที่นิยมใช้งานกัน เนื่องจากมีความคงทนและดูสวยงาม ดูหรู ซึ่งงานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น ตัวปกทั้งหน้า-หลัง จะนิยมทำเป็นแบบจั่วปัง คือ พิมพ์ลวดลายต่างๆ ลงบนกระดาษสติ๊กเกอร์แล้วนำไปติดหุ้มกับกระดาษแข็งจั่วปังอีกที เนื่องจากเป็นกระดาษแข็ง และมีความหนาพอสมควรทำให้มีความทนทานมากกว่าการทำเป็นปกอ่อนหรือกระดาษทั่วไปนั้นเอง ส่วนกระดาษเนื้อในหรือด้านในก็จะเป็นกระดาษอาร์ตการ์ดที่มีความหน้าตั้งแต่ 230 – 350 แกรม
งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น จะต้องทำการตีเส้นพับทุกหน้าทั้งตัวปกและเนื้อใน เพื่อให้สะดวกในการเปิดใช้งานนั้นเอง วึ่งเส้นพับของปกจะต้องใหญ่กว่าเนื้อใน นอกจากนั้นเมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น ตัวหมุดมีให้เลือกใช้หลากหลายสี สีที่นิยมใช้กันจะเป็นหมุดสีเงินและสีทอง 1 เล่ม ก็จะใช้หมุดประมาณ 2-4 ตัว ขึ้นอยู่กับขนาดของงานอีกที โดยขนาดของงานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุด หรือตอกหมุดที่นิยมใช้กันก็จะมี
  • เมนูอาหารแบบเย็บหมุด ขนาดสำเร็จ A-3(11.5'' x 16.5'')
  • เมนูอาหารแบบเย็บหมุด ขนาดสำเร็จ A-4(8.25'' x 11.5'')
  • เมนูอาหารแบบเย็บหมุด ขนาดสำเร็จ A-5(8.25'' x 5.75'')
  • ขนาดตามความต้องการ
สำหรับเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ที่นิยมใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับงานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น จะเป็นการเคลือบทั้งแบบเงาและด้าน และการ Spot UV รูปอาหารต่างๆ นั้นเอง